วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปราสาทฮิเมจิ

                                         ปราสาทฮิเมจิ



ปราสาทฮิเมะจิ (ญี่ปุ่น姫路城 Himeji-jo, Himeji Castle ?) เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538 ปราสาทฮิเมะจิได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมะสึโมะโตะ และปราสาทคุมะโมะโตะ และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า ปราสาทนกกระสาขาว ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่าง ในปัจจุบันปราสาทฮิเมะจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นและมรดกโลก

สถาปัตยกรรม

ปราสาทฮิเมะจิเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่างๆในบริเวณปราสาทถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น และรอบๆปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท
จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงต่างๆในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบๆอาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย ระหว่างที่ศัตรูกำลังหลงทางอยู่นี้ก็จะถูกโจมตีจากข้างบนอาคารหลักได้โดยสะดวก แต่อย่างไรก็ตาม ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีในลักษณะนี้เลย ระบบการป้องกันต่างๆจึงยังไม่เคยถูกใช้งาน

ประวัติ

เมื่อปี 1346 อะกะมะสึ ซะดะโนะริ ได้วางแผนที่จะสร้างปราสาทขึ้นที่เชิงเขาฮิเมะจิที่ซึ่งอากามัตสึ โนริมุระ ได้สร้างวัดโชเมียวขึ้น หลังจากอากามัตสึเสียชีวิตในสงครามคาคิทสึ ตระกูลยามานะได้เข้าครอบครองปราสาท แต่หลังจากสงครามโอนิน ตระกูลอากามัตสึก็ยึดปราสาทกลับมาได้อีกครั้ง
ปี 1580 โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ได้เข้ามาเป็นผู้ปกครองปราสาท และมีการสร้างหออาคารหลักสูง 3 ชั้น ดำเนินการโดยคุโระดะ โยะชิตะกะ
หลังจากสงครามเซกิงาฮาราในปี ค.ศ. 1601 โทะกุงะวะ อิเอะยะสุได้ยกปราสาทฮิเมะจิให้แก่อิเคะดะ เทะรุมะซะุ อิเคดะได้ดำเนินการต่อเติมปราสาทเป็นเวลา 8 ปี จนเป็นรูปลักษณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนต่อเติมส่วนสุดท้าย คือ วงเวียนด้านตะวันตก เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1618
เมื่อสิ้นสุดยุคเอโดะ ปราสาทฮิเมะจิเป็นหนึ่งในสมบัติชิ้นสุดท้ายของไดเมียว โทะซะมะ ขณะนั้นปราสาทถูกปกครองโดยทายาทของซะกะอิ ทะดะซุมิ จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่ยุคเมจิ ปี ค.ศ. 1868 รัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นได้ส่งกองกำลังภายใต้การบังคับบัญชาของทายาทของอิเคดะ เทะรุมะซะ เข้าบุกปราสาท และขับไล่ผู้ปกครองออกไป
ปราสาทฮิเมะจิถูกทิ้งระเบิดในปี ึค.ศ. 1945 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะถูกเผาทำลาย แต่ปราสาทยังคงตั้งอยู่ได้โดยแทบไม่เสียหาย
                            นี่คือแผนที่ปราสาทฮิเมจิ


วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558


                        วิธีการทำสบู่สมุนไพรภาคครัวเรือน

1.การผลิตสบู่สมุนไพรภาคครัวเรือน

   1.1สารตั้งต้น
 การทำสบู่ในภาคครัวเรือนจะนิยมทำสบู่ก้อนขุ่น สบู่ก้อนใส และสบู่ก้อนเหลว ซึ่งจะต้องใช้สารตั้งต้นที่แตกต่างกัน โดยสามารถสั่งซื้อได้ตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านขายส่งสารเคมีทั่วไป
-สบู่ก้อนขุ่น ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ (soap) ที่เกิดจากด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์
-สบู่ก้อนใส ใช้สารตั้งต้น คือ กลีเซอรีนก้อน
-สบู่เหลว ใช้สารตั้งต้น คือ เกล็ดสบู่ ที่เกิดจากการใช้ด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์

  สิ่งที่ต้องเตรียม
-น้ำ 1 ลิตร
-โซเดียมไฮดรอกไซด์ 100 กรัม
-น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม 3 ลิตร

  วิธีการทำ
-ละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ในหม้อที่ต้มน้ำคนให้ละลายจนหมด และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น
-เทน้ำมันพืชลงในหม้อ กวนให้เข้ากัน และเทใส่แม่พิมพ์
-รินน้ำ และสารละลายใสที่เป็นกลีเซอรีนส่วนบนออก
-สบู่จะนอนก้นเป็นตะกอนขาวขุ่น ซึ่งต้องตั้งทิ้งไว้ให้เย็น จนเกล็ดสบู่ จับตัวเป็นก้อนสำหรับการทำสบู่ก้อนขุ่น

  1.2 สุนไพร
   สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมทำสบู่มีมากมายหลายชนิด  ซึ่งอาจประยุกต์ใช้สมุนไพรชนิดอื่นนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่าง
-มะขาม มะนาว มะกรูด ซึ่งจะให้วิตามินซีและกรด ช่วยขัดเซลซ์ผิว และป้องกันเชื้อจุลินทรีย์
-เปลือกมังคุด ให้วิตามินดี ลดรอยด่างดำ
-มะละกอ ให้วิตามินเอ ช่าวยบำรุงผิวให้ขาว
-ว่านหางจระเข้ ให้วิตามินอี ช่วยลดรอยจุดด่างดำ

   การเตรียมสมุนไพร
-การสกัดเป็นสารละลาย ด้วยการบดสมุนไพรให้ละเอียด และนำมาต้มสกัดหรือนำมาแช่สกัดค้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ
-การทำเป็นผง ด้วยการตากแห้ง ล้วนำมาบดให้เป็นผผงละเอียด และนำตากให้แห้งอีกครั้ง

  1.3ขั้นตอนการทำ
 -นำเกล็ดสบู่ใส่หม้อภาชนะตั้งไฟอ่อนๆให้ละลายจนหมด
-เติมสมุนไพรหากเป็นผงประมาณไม่เกิน 50 กรัม หากเป็นน้ำสกัดไม่เกิน 100 ซีซี
-เติมสารเติมแต่ง เช่น น้ำหอม ผงสี และอื่นๆ ตามที่หาซื้อได้พร้อมคนให้ละลายเข้ากัน
-เทสารละลายสบู่ในแม่พิมพ์และรอจนแห้งตัวก็จะได้สบู่สำหรับใช้งาน